Home > About Us > Privacy Policy > นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับตัวแทน นายหน้า และคู่ค้า

นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับตัวแทน นายหน้า และคู่ค้า

นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับ
ตัวแทน นายหน้า และคู่ค้า

 

 บริษัท ไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญในสิทธิความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในความเป็นส่วนตัวของบุคคลของท่านในฐานะตัวแทนประกันวินาศภัย นายหน้าประกันวินาศภัย และคู่ค้าของบริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายฉบับนี้ขึ้นเพื่อเป็นหลักในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

 

1. คำจำกัดความ

 

 ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ คำหรือข้อความมีความหมายดังต่อไปนี้

 
คำหรือข้อความ ความหมาย

1.1 กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎ ระเบียบ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง

1.2 ข้อมูลส่วนบุคคล

หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

1.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดที่กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

1.4 คู่ค้า

หมายถึง ผู้ให้บริการ ผู้รับเหมา คู่สัญญาของบริษัทฯ ซัพพลายเออร์ บริษัทรับประกันภัยต่อ ที่ปรึกษา บุคคลหรือนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยของบริษัท หรือบุคคลอื่นใดที่ทำสัญญาหรือมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทฯ รวมถึงผู้ประสานงาน พนักงาน หรือบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้าของบริษัทฯ

1.5 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หมายถึง เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

1.6 ตัวแทนประกันวินาศภัย

หมายถึง ผู้ซึ่งบริษัทฯ มอบหมายให้ทำการชักชวนให้บุคคลทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทฯ

1.7 นายหน้าประกันวินาศภัย

หมายถึง ผู้ชี้ช่องหรือจัดการให้บุคคลทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทฯ โดยกระทำเพื่อบำเหน็จเนื่องจากการนั้น

1.8 บริษัทฯ

หมายถึง บริษัท ไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน)

1.9 ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

หมายถึง การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

1.10 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

1.11 ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

หมายถึง ผู้ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

1.12 ลูกค้า

หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ยื่นขอเอาประกันภัย ผู้เอาประกันภัย ผู้ที่บริษัทฯ เสนอขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ ผู้มุ่งหวัง ผู้มีสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัย

 

2. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม

 

 2.1 กรณีท่านกระทำการในนามบุคคลธรรมดา

 

ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียด

1. ข้อมูลระบุตัวตน

เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล เพศ สถานภาพสมรส วันเกิด อายุ ภาพถ่าย ข้อมูล ลายมือชื่อ ประวัติการศึกษา บันทึกจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ข้อมูลตามเอกสารที่ทางราชการออกให้ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น) และข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถระบุตัวตนได้ เป็นต้น

2. ข้อมูลติดต่อ

เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล ไอดีแอปพลิเคชันไลน์ และข้อมูลอื่น ๆ ของท่านที่บริษัทฯ สามารถใช้ในการติดต่อ เป็นต้น

3. ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน

เช่น ประวัติการทำงาน ข้อมูลติดต่อสถานที่ทำงานของท่าน สำเนาใบอนุญาตการทำงาน ผลการปฏิบัติงาน รายละเอียดเกี่ยวกับเงินเดือน ค่าจ้าง หรือผลตอบแทน เป็นต้น

4. ข้อมูลทางการเงิน

เช่น หมายเลขและรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร ข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิต / บัตรเดบิตหรือข้อมูลเกี่ยวกับธนาคาร ข้อมูลเกี่ยวกับภาษี และรายละเอียดหรือข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินให้แก่บริษัทฯ และอื่น ๆ เป็นต้น

5. ข้อมูลตัวแทนประกันวินาศภัย หรือนายหน้าประกันวินาศภัย

เช่น ข้อมูลตามใบอนุญาตการเป็นตัวแทนประกันวินาศภัยหรือนายหน้าประกันวินาศภัย ประวัติส่วนตัว ข้อมูลการอบรม สอบ หรือต่อใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของท่าน เป็นต้น

6. ข้อมูลการบันทึก

เช่น บันทึกภาพ บันทึกภาพเคลื่อนไหว บันทึกเสียงการสนทนาเมื่อติดต่อมายังบริษัทฯ และบันทึกโทรทัศน์วงจรปิด เป็นต้น

 2.2. กรณีท่านเป็นผู้ประสานงาน/ บุคลากร/ ตัวแทน กระทำการในนามนิติบุคคล

 
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียด

1. ข้อมูลระบุตัวตน

เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล เพศ ภาพถ่าย ข้อมูลลายมือชื่อ บันทึกจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด

2. ข้อมูลตามเอกสารที่ทางราชการออกให้

เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลตามสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน และข้อมูลอื่นเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

3. ข้อมูลติดต่อ

เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล ไอดีแอปพลิเคชันไลน์ ข้อมูลติดต่อตามนามบัตร ข้อมูลตามเอกสารที่เกี่ยวกับนิติบุคคล และข้อมูลอื่น ๆ ของท่านที่บริษัทฯ สามารถใช้ในการติดต่อ เป็นต้น

4. ข้อมูลประกอบการทำสัญญา

เช่น ข้อมูลผู้มีอำนาจนามในเอกสาร ข้อมูลยืนยันตัวตนบุคคลประกอบการทำสัญญา หรือข้อมูลอื่นใดที่บริษัทฯ ร้องขอจากนิติบุคคลที่ท่านเกี่ยวข้อง เป็นต้น

5. ข้อมูลการบันทึก

เช่น บันทึกภาพ บันทึกภาพเคลื่อนไหว บันทึกเสียงการสนทนาเมื่อติดต่อมายังบริษัทฯ และบันทึกโทรทัศน์วงจรปิด เป็นต้น

 หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทฯ ในบางกรณี บริษัทฯ อาจไม่สามารถเข้าลงนามสัญญากับท่าน ดำเนินการใด ๆ ตามที่ท่านร้องขอหรือตามหน้าที่ในสัญญา หรือไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบให้ท่านได้รับความเสียหายหรือเสียโอกาส และส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่ท่านหรือบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตามบริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

 

3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

 

 บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรงหรือช่องทางอื่น ซึ่งรวมถึงช่องทางดังต่อไปนี้

 3.1 แบบฟอร์ม และ/หรือ เอกสารอื่นใด

  บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากเอกสารใด ๆ ที่ท่านนำส่งให้แก่บริษัทฯ โดยตรงที่สถานที่ของบริษัทฯ หรือช่องทางออนไลน์ของบริษัทฯ เช่น เว็ปไซต์ อีเมล หรือช่องทางออนไลน์อื่นใดของบริษัทฯ

 3.2 การติดต่อสื่อสารใด ๆ

  ท่านอาจติดต่อสื่อสาร สอบถาม สัมภาษณ์ หรือให้ข้อมูลกับบริษัทฯ โดยตรง หรือบริษัทฯ อาจติดต่อไปยังท่าน ผ่านทางเว็ปไซต์บริษัทฯ แอปพลิเคชัน โทรศัพท์มือถือ ช่องทางออนไลน์ ไปรษณีย์ หรือช่องทางอื่นใดของบริษัทฯ

 3.3 นิติบุคคลหรือบุคคลภายนอก

  บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากนิติบุคคลหรือบุคคลภายนอกอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับท่าน

 3.4 การเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัทฯ

  บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อท่านเข้าร่วมประชุม อบรม หรือกิจกรรมของบริษัทฯ และท่านได้ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

 3.5 แหล่งข้อมูลสาธารณะ

  บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากเว็บไซต์สาธารณะที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานกำกับดูแล หรือโซเชียลมีเดีย เป็นต้น หรือเป็นข้อมูลที่ท่านเปิดเผยต่อสาธารณะด้วยตนเอง

 

4. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

 

 บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

 
ลำดับ วัตถุประสงค์ ฐานการประมวลผล

4.1

เพื่อดำเนินการประเมิน ตรวจสอบข้อมูลก่อนหรือระหว่างเข้าทำสัญญา เพื่อทำสัญญา หรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญากับท่าน รวมถึงจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องในการทำสัญญา

● เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา

4.2

เพื่อยืนยันตัวตนท่านในการทำสัญญา หรือกิจกรรมของบริษัทฯ อื่นที่เกี่ยวข้อง

● เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ

4.3

เพื่อประสานงานและติดต่อสื่อสารกับท่านตลอดเวลาที่ยังมีนิติสัมพันธ์กับท่าน โดยอาจเป็นการพบปะ สื่อสารทางออนไลน์ หรือวิธีการอื่นใดตามที่มีกาตกลงกัน

● เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ

4.4

เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือปฏิบัติตามคำสั่งศาลหรือคำสั่งจากหน่วยงานรัฐ เช่น การจัดทำบัญชี การสอบบัญชีตามกฎหมาย การจัดการด้านภาษีตามประมวลรัษฎากร หรือการทำตามกฎหมายอื่นใดของบริษัทฯ

● เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ

4.5

เพื่อบริหารจัดการตัวแทนประกันวินาศภัยหรือนายหน้าประกันวินาศภัย เช่น เพื่อรวบรวมข้อมูลเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดหาสถานที่ฝึกอบรม การสอบใบอนุญาต การต่อใบอนุญาต และการนำส่งข้อมูลแก่สมาคมประกันวินาศภัย

● เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ

● เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ

4.6

เพื่อบริหารจัดการธุรกิจหรือคู้ค้าของบริษัทฯ เช่น การวางแผน พัฒนา และประเมินความเพียงพอของคู่ค้า การจัดเตรียมกระบวนการในการสรรหาคู่ค้า และการดำเนินกิจการหรือกิจกรรมอื่นใดของบริษัทฯ

● เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ

4.7

เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนหรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น

● เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ

● เพื่อการก่อตั้ง ใช้ และยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

4.8

เพื่อตรวจสอบและรักษาความมั่นคงปลอดภัยเกี่ยวกับการให้บริการ ระบบงาน ทรัพย์สิน หรือพื้นที่ภายในและภายนอกบริษัทฯ โดยมีการบันทึกภาพ ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียงผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายที่เกิดต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เพื่อตรวจสอบ และเพื่อเป็นหลักฐานการกระทำความผิด รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตามกฎหมายตามที่บริษัทฯ ได้รับคำร้องขอ

● เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ

 

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

 

 บริษัทฯ จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งข้างต้นให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลดังต่อไปนี้

 

 5.1 บุคคลหรือนิติบุคคลที่ท่านให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

 5.2 พนักงานหรือบุคลากรของบริษัทฯ ลูกค้าของบริษัทฯ ตัวแทนประกันวินาศภัยหรือนายหน้าประกันวินาศภัยของบริษัทฯ

 5.3 ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ เช่น ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการคลาวด์หรือให้บริการเก็บข้อมูล หรือผู้ให้บริการอื่นใดที่ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น

 5.4 ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ผู้ตรวจสอบภายนอก ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ทนายความ เป็นต้น

 5.5 หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สมาคมประกันวินาศภัยไทย กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น

 5.6 บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับท่าน เช่น ผู้รับมอบอำนาจ ตัวแทน ผู้ประสานงาน เป็นต้น

 

6. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

 

 บริษัทฯ อาจมีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นกรณีที่บริษัทฯ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากเป็นกรณีที่บริษัทฯ ต้องขอความยินยอมจากท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อน และจะดำเนินการตรวจสอบว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดหรือไม่ และแจ้งให้ท่านทราบเกี่ยวกับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

 

7. ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

 

 7.1 บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เป็นไปตามระยะเวลาที่แจ้งให้ท่านทราบ โดยบริษัทฯ อาจพิจารณาเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปถ้ากฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องจะอนุญาต หรือบริษัทฯ และท่านยังคงมีนิติสัมพันธ์ระหว่างกัน หรือท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ และยังไม่ถอนความยินยอม หรือบริษัทฯ ยังจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่ท่านได้ให้ความยินยอม และบริษัทฯ มีความจำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้

 7.2 ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกี่ยวข้องกับการประกันภัยหรือการให้บริการประกันภัย บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่ท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัทฯ

 7.3 ในกรณีที่ท่านเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่ท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัทฯ หรือในกรณีที่วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดบริษัทฯ ไม่สามารถระบุระยะเวลาเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทฯ จะพิจารณาระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

 7.4 เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล หรือบริษัทฯ หมดความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ จะจัดให้มีการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้

 

8. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

 

 8.1 ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านมีสิทธิดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

  1. ท่านมีสิทธิที่จะทราบหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ หรือขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม

  2. ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบันสมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

  3. ท่านมีสิทธิขอถอนความยินยอมที่ให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

  4. ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน หรือขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ

  5. ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนด้วยเหตุบางประการตามที่กฎหมายกำหนดได้

  6. ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลด้วยเหตุบางประการตามที่กฎหมายกำหนดได้

  7. ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการตามที่กฎหมายกำหนดได้

  8. ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทฯ หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฯหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือประกาศที่ออกตามกฎหมาย

 8.2 ในกรณีที่การถอนความยินยอมส่งผลกระทบต่อท่านในเรื่องใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอมนั้น โดยการถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

 8.3 บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิข้างต้นและดำเนินการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิข้างต้นสามารถดำเนินการได้ตามรายละเอียดในข้อ 11.

 

9. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

 

 บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดในนโยบายและ/หรือแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ โดยจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ มาตรการป้องกันด้านเทคนิค และมาตรการป้องกันทางกายภาพในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล

 

10. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

 

นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งรายละเอียดและวิธีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยบริษัทฯ อาจดำเนินการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดเป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางและหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงไปและบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ผ่านทางช่องทางการสื่อสารของบริษัทฯ หรือช่องทางอื่นตามความเหมาะสม

11. ช่องทางการติดต่อ

 

 หากท่านประสงค์จะติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ (Data Protection Officer หรือ DPO) หรือใช้สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อหรือดำเนินการได้ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

 ติดต่อบริษัทฯ:

 

 บริษัท ไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน)

 34 ซอยสุขุมวิท 4 (นานาใต้) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. 10110

 โทรศัพท์: 02-253-4141, 02-253-4343

 โทรสาร: 02-254-5500

 อีเมล: info@thaipat.co.th

 ติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ:

 

 ชื่อ: นายภูบดินทร์ คุณผลิน

 โทรศัพท์: 02-253-4141

 อีเมล: phubadin@thaipat.co.th

 วิธีการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล:

 
  1. ให้ทำการ download แบบฟอร์มคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่ https://thaipat.co.th/getattachment/0fe86ba6-26fb-40d2-909f-4452e522511b/Right-Management-Form.aspx

  2. กรอกแบบฟอร์มตามข้อ 1 แล้วส่งกลับมาที่ E-Mail : dpo@thaipat.co.th

  3. ทางบริษัทฯ จะดำเนินการตามคำร้องขอ และจะแจ้งผลให้ทราบโดยเร็ว

  4. หากไม่ได้รับคำตอบ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ตามรายละเอียดด้านบน